
เมื่อเดินแบกเป้มาถึงจุดแค้มป์แล้วก็ต้องเตรียมที่หลับที่นอนกันบ้างครับ
อย่างแรกก็คือจะเลือกเต็นท์หรือเปลดี
เต็นท์ดีที่ดี เป็นอย่างไร?
เต็นท์ก็เหมือนบ้านตากอากาศเคลื่อนที่ของคุณ การมีเต็นท์ดีๆสักหลังก็จะทำให้วันพักผ่อนของคุณเต็มไปด้วยความสุข แต่หากไปได้เต็นท์ไม่ดีมาคุณก็อาจจะได้นอนนับเม็ดฝนที่หยดลงหน้าและนอนฟังเมียบ่นไปตลอดคืน
ที่เขียนมานี่ไม่ได้โอ้อวดว่าผมเก่งหรือมีความรู้อะไรเกี่ยวกับเต็นท์มากนักนะครับ เพียงแต่ผมได้นอนแช่น้ำในเต็นท์รั่วมาไม่น้อยกว่าใคร ต้องลุกขึ้นเก็บเต็นท์ที่พังกลางดึกไปอาศัยนอนที่อื่นมาก็หลายครั้ง จนเข้าใจแล้วครับว่าเต็นท์ดีๆ นั้นเป็นอย่างไร
ยุคนี้ พ.ศ.นี้ไม่เหมือนยุคสมัยที่ผมเที่ยวป่าใหม่ๆที่หาซื้อของดีๆ ใช้ยากมาก ตอนนี้เรามีของดีๆ ให้เลือกใช้มากมายจนเลือกไม่ถูก ดังนั้นปัญหาจึงไม่ใช่การหาซื้อของดีแต่เป็นการเลือกซื้อของที่เหมาะกับความต้องการ
เรามาเริ่มจากคุณลักษณะของเต็นท์ที่เราว่าดีกันก่อนนะครับ ผมคิดว่ามี 4 ข้อตามนี้ครับ
- กันน้ำได้ดี แต่ก็ถ่ายเทอากาศได้ดีด้วย
- กางง่ายไม่ยากจนเกินไป
- ให้พื้นที่ภายในที่โปร่งโล่งสบาย
- แข็งแรงทนทานต่อสภาพอากาศที่อาจจะเจอลมแรงหรือฝนกระหน่ำใส่
ทีนี้มาว่ากันทีละข้อนะครับ
- กันน้ำได้ดี แต่ก็ถ่ายเทอากาศได้ดีด้วย
บ้านเรานั้นฝนตกชุกมากครับ ยิ่งในป่าแล้วฝนตกได้ทุกฤดู การนอนเต็นท์ที่น้ำรั่วน้ำหยดนั้นทรมานมาก (เรียกอีกอย่างว่าไม่ได้นอน) แต่ขณะเดียวกันก็มีอุณภูมิและความชื้นสูงไปพร้อมๆ กันด้วย
การจะทำเต็นท์ให้กันน้ำเพียงอย่างเดียวกันไม่ใช่เรื่องยากนัก เพราะถุงพลาสติกก็กันน้ำ (ถึงกระนั้น เต็นท์จำนวนไม่น้อยที่ขายอยู่ในบ้านเรานั้นไม่กันน้ำ) แต่การที่เต็นท์จะกันน้ำได้ดีและถ่ายเทอากาศได้ดีด้วยนั้นไม่ใช่เรื่องง่ายและขึ้นอยู่ กับสามอย่างคือวัสดุ, การออกแบบ และการผลิตครับ
จากประสบการณ์ส่วนตัวแล้วต้องบอกว่าอย่าเชื่อเรื่องสเป็กว่ากันฝนกี่ ม.ม. ให้มากนักนะครับโดยเฉพาะเต็นท์ที่ไม่ใช่ยี่ห้อที่น่าเชื่อถือ เพราะในเต็นท์บางยี่ห้อที่ผมเคยใช้มาเองตอนที่ผมซื้อมาวัสดุดีมากกันนำ้สนิท แต่พอแนะนำให้คนไปซื้อตามปรากฏว่าเปลี่ยนวัสดุให้ห่วยลงมากโดยยังเขียนสเป็กเดิม น้ำก็รั่วซิครับ นอกจากนั้นสเป็คจะมาจากส่วนของวัสดุเท่านั้น แต่การกันน้ำยังขึ้นกับการออกแบบ, การตัดเย็บและการอุดรอยรั่วจากการตัดเย็บอีกด้วย
เรื่องคุณภาพวัสดุนี้ผมคงต้องบอกให้เลือกเต็นท์จากยี่ห้อที่น่าเชื่อถือและฟังความเห็นจากคนที่เคยใช้รุ่นนั้นๆมาแล้วเป็นหลักจะดีกว่าการอ่านสเป็คครับ
เรื่องที่สำคัญไม่แพ้กันก็คืออากาศต้องถ่ายเทสะดวกอันนี้คุณสามารถพิจารณาได้เองจากรูปแบบของเต็นท์ บ้านเราอากาศร้อนชื้นครับ ถ้าอากาศในเต็นท์ไม่ถ่ายเท นอกจากจะทำให้ร้อนแล้วยังจะทำให้อากาศมากลั่นตัวเป็นหยดน้ำภายในเต็นท์อีกด้วย ในช่วงที่อากาศหนาวเรื่องการกลั่นตัวของหยดน้ำนี่จะเป็นมากเลย ถึงแม้จะไม่รั่วก็นอนเปียกอยู่ดี ดู VDO อธิบายเรื่องการกลั่นตัวของหยดน้ำได้ที่นี่ครับ
พออ่านมาถึงตรงนี้ หลายคนอาจงง จะให้กันฝนสนิทแล้วจะให้อากาศถ่ายเทด้วยได้ยังไงกัน
ทำได้ครับถ้าเต็นท์นั้นออกแบบมาดีพอ อากาศจะถ่ายเทได้ก็เมื่อฟลายชีตนั้นห่างจากตัวเต็นท์มากสักหน่อย (อันนี้จะทำให้โอกาสที่น้ำจะซึมหยดจากฟลายชีต มาที่เต็นท์น้อยลงด้วย) การใช้ตะขอเกี่ยวตัว inner cabin เข้ากับเสา นอกจากจะทำให้กางง่ายเก็บง่ายแล้ว ยังช่วยให้การระบายอากาศดีด้วย เพราะไม่มีตัวกั้นทางลมเหมือนกับเต็นท์ที่จะต้องสอดเสาเข้ากับตัวเต็นท์
ถ้าฟลายชี้ตของเต็นท์ออกแบบมาดี อยู่ห่างจากตัวเต็นท์และคลุมเลยออกไปบริเวณทางเข้าออก เราก็จะสามารถเปิดประตูไว้ให้อากาศระบายในขณะที่ฝนตกไม่แรงนักอีกด้วย นอนสบายกว่ากันมากครับ
ส่วนตัวเต็นท์ด้านในที่เรียกกันว่า inner cabin นั้นถ้าจะให้ระบายอากาศดีนอนสบายจะต้องเป็นมุ้งมากกว่าผ้าร่มจะได้ไม่ทึบลม
- กางง่าย ไม่ยากจนเกินไป
ข้อนี้มีความสำคัญกับหลายๆ คนครับ เพราะคนไทยเราเที่ยวแบบย้ายแค้มป์เรื่อยๆ ไม่ปักหลักอยู่ที่ไหนนาน บางคนถึงลานกางเต็นท์ตอนค่ำๆ เช้าก็เก็บเดินทางต่อ
เรื่องความยากง่ายของการกาง มี design 2 รูปแบบที่เข้ามาเกี่ยวข้องครับ คือเต็นท์ที่เป็น Free Standing และ Non-Free Standing
Free Standing คือเต็นท์ที่ทรงตัวอยู่ได้เองโดยแทบจะไม่ต้องตอกสมอบก (แต่เพื่อความแข็งแรงมั่นคงก็ควรตอกอยู่ดี) เต็นท์แบบนี้จะกางค่อนข้างง่ายครับ กางขึ้นมาตอกสมอบกไม่กี่ตัวก็เสร็จแล้ว
Non-Free Standing นั้นจะต้องตอกสมอบกยึดให้ดีเต็นท์ถึงจะทรงตัวอยู่ได้อย่างแข็งแรง แต่ขอดีของเต็นท์ชนิดนี้คือน้ำหนักเบากว่าครับ มีเต็นท์เดินป่าชั้นดีหลายๆ แบบที่ใช้โครงสร้างแบบนี้ รออ่านกันในตอนต่อไปนะครับ
- ให้พื้นที่ภายในที่โปร่งโล่งสบาย
เต็นท์ ที่อยู่สบาย นอนสบาย นอกจากจะต้องถ่ายเทอากาศได้ดีแล้ว จะต้องให้ความรู้สึกที่โปร่งสบายด้วยครับ การออกแบบมีผลมากในเรื่องนี้และถ้าวัสดุไม่ดีทำไม่ได้ครับ
เต็นท์หลายๆแบบที่ต้องการประหยัดต้นทุนและพยายามทำให้กันน้ำจะทำให้เป็นทรงโดมแหลมๆ เพื่อให้น้ำไหลลงเร็วและไม่ต้องมีโครงสร้างอะไรเพิ่มเติมจากเสาเต็นท์ที่จำเป็น แต่เต็นท์เหล่านี้จะมีพื้นที่ด้านบนแคบ เข้าไปแล้วอึดอัดมาก และมีการระบายอากาศที่แย่มากๆ
เต็นท์ดีๆ จะออกแบบให้มีพื้นที่ด้านบนกว้าง ลุกขึ้นนั่ง หรือแม้แต่ยืนขึ้นได้ถนัด อันนี้ต้องออกแบบดีและใช้วัสดุที่แข็งแรง ซึ่งอาจจะหมายถึงราคาเต็นท์ที่เพิ่มขึ้นบ้าง แต่ก็คุ้มครับ
สำหรับเต็นท์สำหรับแค้มปิ้งที่เราขนเอาใส่รถไปก็ยิ่งไม่มีเหตุผลที่เราจะต้องใช้เต็นท์หลังเล็กๆที่จะต้องคลานเข้าไปนอนอย่างอุดอู้ครับ เลือกเต็นท์ที่นอนสบายและสามารถเดินเข้าออกได้สบายๆ ไว้ก่อนดีกว่าครับ
- แข็งแรงทนทานต่อสภาพอากาศที่อาจจะเจอลมแรง
เราคาดเดาไม่ได้ครับว่าเราจะเจออากาศแบบไหนเวลาออกไปเที่ยวป่า เราอาจจะเจอพายุฝน ลมแรงที่พัดเข้าแค้มป์โดยไม่มีปี่มีขลุยมาก่อน ประสบการณ์จริงผมเคยเจอมาหลายครั้ง ที่หลายๆคนเต็นท์ล้ม เสาหักกันกลางดึกต้องนอนแช่น้ำ บางคนก็ต้องเก็บเต็นท์หนีไปนอนในรถหรือบางทีถึงกับขับรถหนีไปเลย หลายครั้งผมตื่นมาตอนเช้าพบว่าผมเป็นเต็นท์เดียวที่ยังเหลืออยู่ทั้งๆที่ก่อนนอนมีเต็นท์กางอยู่เต็มลาน
วัสดุที่ทำเสาเต็นท์เป็นจุดอ่อนของเต็นท์ที่ไม่ได้คุณภาพครับ บางคนกางได้สองสามครั้งก็หัก คนที่ซวยกว่านั้นก็หักตั้งแต่ครั้งแรก ที่ซวยไม่น้อยไปกว่ากันก็ไปหักเอาตอนฝนตกลมแรง อันนี้ไม่มีสเป็กอะไรอธิบายไว้ครับ แต่แตกต่างกันเห็นได้ชัดมากระหว่างเต็นท์ยี่ห้อดีๆ กับเต็นท์อื่นๆ
อีกส่วนมาจากการออกแบบ อย่างที่กล่าวไว้ละครับว่าเต๊นท์หลายๆแบบที่ต้องการประหยัดต้นทุนและพยายามทำให้กันน้ำจะทำให้เป็นทรงโดมแหลมๆ เต็นท์แบบนี้เสาเต็นท์จะต้องโค้งเยอะมากเสี่ยงต่อการหักและทรงของเต็นท์เองก็รับลงเต็มที่ทำให้เพิ่มโอกาสหักพังเมื่อเจอลมแรงเข้าไปอีก
เมื่อรู้จักกันแล้วว่าเต็นท์คุณภาพดีนั้นมีลักษณะอย่างไรแล้ว คราวนี้ลองมาดูลักษณะของเต็นท์ที่เหมาะกับการใช้งานแต่ละแบบกันบ้างครับ
เริ่มจากประเภทของเต็นท์ตามลักษณะการใช้งานก่อนครับ
- เต็นท์เดินป่า เต็นท์ประเภทนี้จะเน้นที่น้ำหนักเบาเก็บแล้วมีขนาดเล็ก ตามที่ชื่อบอกละครับว่าเหมาะสำหรับการแบกใส่เป้ไว้เดินป่า และก็เหมาะกับกิจกรรมเดินทางแบบอื่นที่ต้องการเต็นท์ที่มีขนาดเล็กน้ำหนักเบา อย่างเช่นจักรยานทัวริ่ง, การขี่มอเตอร์ไซค์ทัวริ่ง หรือการพายเรือแคนูหรือคายัคแค้มปิ้ง
- เต็นท์แค้มปิ้ง เต็นท์ประเภทนี้เหมาะกับการออกไปแค้มปิ้งอย่างสุขสบาย เดินทางด้วยรถยนต์เข้าถึงที่แค้มป์ได้โดยไม่ต้องขนของไกลจากรถมากนัก
เต็นท์เดินป่า
เต็นท์เดินป่าดีๆนั้นมุ่งเน้นเรื่องที่จะลดน้ำหนักให้เบาที่สุดแต่ขณะเดียวกันก็ต้องแข็งแรงไว้ใจได้เพราะหากถ้าเดินป่าหลายๆวันแล้วเต็นท์พังระหว่างทางนี่อาจจะต้องเป็นลิงอยู่บนต้นไม้ได้ ไม่สนุกแน่นอนครับ
เต็นท์เดินป่าคุณภาพดีจริงนั้นจะมีน้ำหนักเบาแต่แข็งแรงทนทาน เก็บแล้วเล็กแต่เมื่อกางแล้วมีพื้นที่กว้างโปร่งนอนสบาย กันฝนได้สนิทแต่ถ่ายเทอากาศได้ เห็นมั๊ยครับว่ามีคำว่าแต่เต็มไปหมดเพราะเป็นคุณลักษณะที่ขัดแย้งกันอยู่เป็นคู่ๆ ผู้ออกแบบจะต้องใช้ฝีมือ, ประสบการณ์ และเทคโนโลยี่วัสดุเข้ามาช่วยออกแบบให้ได้เต็นท์ที่ดีที่สุดสำหรับการใช้งานแต่ละแบบหรือว่าแต่ละพื้นที่ขึ้นมา
การออกแบบเต็นท์ให้เบาก็อาจจะทำได้ด้วยการใช้วัสดุพิเศษ เช่นส่วนของเสาเต็นท์, เนื้อผ้าส่วนต่างๆ และแม้แต่เชือกและสมอบก
เสาเต็นท์ส่วนใหญ่ที่ใช้กันคือเสาไฟเบอร์กลาสซึ่งจะมีน้ำหนักค่อนข้างมาก เบาขึ้นมาอีกระดับก็คือเสาอะลูมิเนียม และที่เบาสุดที่มีใช้กันตอนนี้คือเสาที่ทำจากคาร์บอนไฟเบอร์ ถ้าจะให้เบาสุดๆจริงๆ เต็นท์หลายแบบก็ออกแบบให้ใช้ไม้เท้าเดินป่ามาทำเสาเต็นท์จะได้ไม่ต้องแบกเสาเต็นท์ไปซะเลย!
ตัวเต็นท์และพื้นเต็นท์ก็เช่นเดียวกัน วัสดุสมัยใหม่ทำให้มีนำ้หนักบางเบาและกันน้ำได้ดี มุ้งคุณภาพดีก็มีน้ำหนักเบาและตาถี่พอที่กันแมลงตัวเล็กๆได้
เวลาเลือกซื้อเต็นท์อย่าดูแต่เพียงชนิดของวัสดุนะครับ เหมือนกับของทุกชนิดในโลกนี้ครับที่มีของที่ดูคล้ายๆกันแต่ไม่เหมือนกัน หน้าตาเหมือนๆ กันแต่คุณภาพแตกต่างกันไป เช่นเสาเต็นท์อะลูมิเนียมนี่มีหลายเกรด ของดีๆนั้นเบาและเแข็งแรงมากแต่ก็ย่อมจะมีราคาสูงตามไปด้วย ถ้ามีโอกาสก็ลองสัมผัสของจริงเทียบกันดูก่อนนะครับ เพราะถ้าได้จับต้องมักจะบอกถึงคุณภาพได้ครับ หรือไม่อย่างนั้นก็ต้องเลือกของจากผู้ผลิตที่มีชื่อเสียงไว้ใจได้ไว้ก่อน
จากเรื่องวัสดุแล้วก็มาเรื่องการออกแบบ ในเรื่องการออกแบบ มีลักษณะของแต็นท์ 2 แบบที่เราควรทำความเข้าใจกันสักนิดครับ
1) Free Standing และ Non-Free Standing
Free Standing คือเต็นท์ที่ทรงตัวอยู่ได้เองโดยแทบจะไม่ต้องตอกสมอบก (แต่เพื่อความแข็งแรงมั่นคงก็ควรตอกอยู่ดี) เต็นท์แบบนี้จะกางค่อนข้างง่ายครับ กางขึ้นมาตอกสมอบกไม่กี่ตัวก็เสร็จแล้ว
ส่วนเต็นท์ Non-Free Standing นั้นจะต้องตอกสมอบกยึดให้ดีเต็นท์ถึงจะทรงตัวอยู่ได้อย่างแข็งแรง แต่ข้อดีของเต็นท์ชนิดนี้คือน้ำหนักเบากว่าครับ มีเต็นท์เดินป่าชั้นดีหลายๆแบบที่ใช้โครงสร้างแบบนี้เพื่อลดน้ำหนัก
2) Single Wall/ Double Wall
Single Wall Tent คือ เต็นท์ที่มีผนังชั้นเดียว ซึ่งมักจะทำจากวัสดุที่กันน้ำ ข้อดีของเต็นท์ประเภทนี้คือน้ำหนักเบา, กางง่ายและกางได้เร็วมาก ส่วนสิ่งที่ต้องแลกมาก็คือการถ่ายเทอากาศที่ไม่ดีนัก เต็นท์ประเภทนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในที่หนาว, อากาศแห้ง ซึ่งอาจจะเป็นการปีนเขาสูงที่ต้องการลดน้ำหนักให้มากที่สุด
Double Wall Tent อย่างที่ชื่อบอกละครับว่ามีผนังสองชั้น ชั้นนอกคือฟลายชี้ตที่มีหน้าที่กันน้ำ และชั้นในเป็นมุ้งที่ระบายอากาศได้ ขอดีของ Double Wall tent ก็คือการระบายอากาศได้ดีในขณะที่มีฝนตก แต่จะแลกมาด้วยน้ำหนักและขั้นตอนการกางที่เพิ่มขึ้น เต็นท์แบบนี้เหมาะสำหรับการใช้งานในพื้นที่ที่มีอากาศร้อนชื้น เพราะจะไม่ร้อนอบอ้าวและช่วยลดปัญหาของการกลั่นตัวเป็นหยดน้ำในเต็นท์ได้ดี
เต็นท์สำหรับ Camp Car
เต็นท์ประเภทนี้เราคงไม่ได้ใช้ไปเดินป่า แต่ใส่ไว้ในบทเรียนเพื่อเป็นความรู้ครับ เมื่อเราเดินทางด้วยรถยนต์ น้ำหนักและขนาดของเต็นท์ไม่ใช่เรื่องสำคัญที่สุดอีกต่อไป การไปเที่ยวแค้มปิ้งด้วยรถคือการไปพักผ่อนกับครอบครัวหรือกับเพื่อฝูง เรื่องที่เราควรจะคำนึงถึงเป็นอย่างแรกคือความสบายของเต็นท์ครับ
ความสบายของเต็นท์ มาจากความสามารถในการกันฝน และการถ่ายเทอากาศเป็นหลัก จากนั้นก็ควรเลือกเต็นท์ที่เราสามารถเดินเข้าเต๊นท์ได้ง่ายๆไม่ต้องคุกเข่าไม่ต้องคลาน ถ้าภายในสูงพอที่จะยืนได้ก็ยิ่งดีครับ คุณผู้หญิงก็จะใช้เป็นที่เปลี่ยนเสื้อผ้าได้อย่างสบายๆ และอากาศจะโปร่งสบายไม่อึดอัดในเวลานอน
ถ้าคุณท่องเที่ยวแค้มป์คาร์ในแบบที่ย้ายที่นอนทุกคืน เต็นท์กางเร็วเก็บเร็วก็อาจจะเป็นเป็นทางเลือกที่ดีมากในปัจจุบัน เต็นท์เหล่านี้มีขนาดใหญ่กว้างขวาง, นอนสบาย และสามารถเก็บหรือกางได้ในเวลาไม่ถึง 1 นาที
ในทางกลับกัน ถ้าคุณไม่รีบร้อนไปไหน อยากจะใช้เวลาอยู่กับการพักผ่อนในแค้มป์สวยๆสบายๆ ทำกับข้าวทานกัน นั่งอ่านหนังสือฯ เต็นท์ที่ทำจากผ้าใบแม้จะใหญ่, หนัก และใช้เวลากางมาก แต่ก็จะให้ความสบายของแค้มป์พักที่แตกต่างอย่างมาก
ข้อแตกต่างของผ้าใบเมื่อเทียบกับวัสดุในล่อนก็คือ ผ้าใบจะยอมให้อากาศซึมผ่านได้ทำให้อากาศภายในเต็นท์เย็นสบายกว่ามาก แม้แต่ในตอนกลางวันที่แดดออกใต้เต็นท์หรือหลังคาผ้าใบแบบนี้ก็จะไม่ร้อนอบอ้าว
ไม่มีเต็นท์อะไรที่ดีที่สุดครับ แต่จะต้องมีเต็นท์สักแบบที่เหมาะกับการใช้งานของคุณที่สุด ลองเลือกดูให้ดีนะครับ เพราะเต๊นท์ดีๆ จะทำให้วันหยุดพักผ่อนของคุณเต็มไปด้วยความสุข
เพราะเต็นท์ก็คือบ้านตากอากาศเคลื่อนที่ของคุณนั่นเองครับ เที่ยวให้สนุกนะครับ
เปลเดินป่า
เมื่อแบกของไปได้และเดินไปถึงที่แล้วก็ต้องมีที่นอนครับ การเดินป่าในบ้านเรามีทางเลือกสำหรับที่หลับที่นอนกันอยู่สองแบบก็คือ เปล หรือเต็นท์ครับ
การเลือกระหว่างเปลหรือเต็นท์ เป็นคำถามที่ได้ยินอยู่เสมอว่า “อะไรดีกว่ากัน” เหมือนกับทางเลือกส่วนใหญ่ในโลกนี้ครับ มันไม่ได้มีอะไรดีกว่ากัน แต่การเลือกขึ้นกับสภาพแวดล้อมที่จะนำไปใช้และความชอบของแต่ละคน
เปลนั้นเหมาะสำหรับการนอนในป่าทึบ หาต้นไม้ง่ายแต่พื้นรกหาที่กางเต็นท์ได้ยาก เหมาะสำหรับคนที่ชอบนอนคนเดียว และได้เปรียบสำหรับการเดินป่าในฤดูฝน (ถ้าคุณมีฟลายชี้ตดีๆไปด้วย)
เปลที่ใช้เดินป่าจะต้องเป็นเปลมุ้งครับ ยุงในป่าโดนกัดมาแล้วอาจจะเป็นมาเลเรียได้ง่ายๆ ไม่คุ้มกัน นอกจากมุ้งแล้ว ก็จะต้องมีฟลายชี้ตกันน้ำค้างและกันฝนด้วย ฟลายชี้ตนี้จะต้องมีความยาวเลยเปลไปอย่างน้อยข้างละ 20 ซม. นะครับถึงจะกันฝนได้ดี
การเลือกเปลไปเดินป่า